เด็กจัดฟันต้องมีผู้ปกครองหรือไม่
คำถามที่ว่า เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟัน โดยไม่มีผู้ปกครองได้หรือไม่ คำตอบคือ คนไข้ที่ต้องการจะเข้ารับการจัดฟันด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองรับทราบและให้การยินยอมนั้น สามารถทำได้เมื่อคนไข้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ทุกวันนี้ เด็กและวัยรุ่น ให้ความสนใจกับการจัดฟันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่า เป็นแฟชั่นที่ทำให้ดูสวยงาม โก้เก๋ แต่จริง ๆ แล้ว การจัดฟันนั้น เป็นเรื่องของการรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับการจัดเรียงตัวของฟัน การรักษาก็เพื่อที่จะทำให้คนไข้สามารถใช้ฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บดเคี้ยวอาหารได้ดี รักษาความสะอาดได้ง่าย พูดได้ชัดเจน และผลที่ตามมาก็คือความสวยงาม และความมั่นใจในตนเอง
เมื่อการจัดฟันนั้นเป็นการรักษา คนไข้ที่ยังเป็นเด็ก ก็ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพราะการจัดฟันนั้น มีสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องรับทราบอยู่หลายประเด็น ดังต่อไปนี้
ผู้ปกครองจะต้องทราบสาเหตุที่ทำให้เด็กหรือคนไข้รายนั้น สมควรที่จะเข้ารับการจัดฟัน
การที่เด็กควรจะได้รับการจัดฟันนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ฟันยื่น ฟันเก หรือมีฟันหนาแน่นเกินไป ซึ่งความผิดปกติในการจัดเรียงตัวของฟันที่เกิดขึ้นมานั้น ทำให้การสบฟันไม่เป็นปกติ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียอื่น ๆ ตามมา ดังนั้นทันตแพทย์จึงแนะนำให้จัดฟัน
เมื่อมาพบทันตแพทย์เพื่อของรับคำปรึกษาเรื่องการจัดฟัน ทันตแพทย์จะตรวจฟัน ขากรรไกร และสภาพในช่องปากให้เด็กโดยละเอียด มีการเอ็กซเรย์ เพื่อให้เห็นตำแหน่งและโครงสร้างฟัน และจะอธิบายปัญหาโดยรวม และวิธีการแก้ไข ซึ่งผู้ปกครองจะต้องทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
สิ่งที่ต่อมาที่ผู้ปกครองจะต้องทราบก็คือ เครื่องมือจัดฟันที่จะนำมาใช้กับเด็ก เครื่องมือจัดฟันนั้น เป็นอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการจัดเรียงตัวของฟัน ซึ่งจะติดเข้าไปในช่าก โดยทั่วไป การจัดฟันให้เด็ก และวัยรุ่น จะเป็นอุปกรณ์ที่ประกอบไปด้วยแบร็กเก็ต ลวด และยาง อุปกรณ์เหล่านี้ จะทำหน้าที่เคลื่อนย้ายฟันให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และอุปกรณ์เหล่านี้ ก็มีหลายทางเลือก แตกต่างกันทั้งสีสัน วัสดุ และราคา และที่สำคัญ อุปกรณ์ที่เป็นที่นิยม ที่เด็กอยากจะใช้นั้น อาจจะไม่เหมาะสมกับสภาพช่องปากของเด็กในบางราย ซึ่งผู้ปกครองจะต้องรับทราบและช่วยตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสม
เด็กบางรายต้องการใส่อุปกรณ์ที่มียางสีสันสวยงาม หรือบางรายอาจต้องการเครื่องมือจัดฟันชนิดใส ถอดได้ แต่สภาพความผิดปกติ อาจจะทำให้ต้องใส่อุปกรณ์ชนิดอื่น เป็นต้น และเมื่อมีการติดเครื่องมือจัดฟันเข้าไปในช่องปากแล้ว เด็กจะต้องมาพบทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือเป็นประจำทุก3-4 สัปดาห์ เป็นเวลานานต่อเนื่องประมาณ 1-2 ปี ประเด็นนี้ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องทราบ เพื่อที่จะเลือกใช้บริการในคลินิกที่สะดวกด้วย
การดูแลเครื่องมือจัดฟันในช่องปาก ทั้งเรื่องการรักษาความสะอาด และการเลือกรับประทานอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องรับทราบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เด็กเช่นกัน เช่นการเลือกอาหารที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์จัดฟัน ไม่สนับสนุนให้เด็กจัดฟันรับประทานอาหารแข็ง เหนียว และอาหารที่ต้องเคี้ยวมาก ๆ เป็นต้น ส่วนเรื่องการทำความสะอาดนั้น ก็ต้องช่วยเน้นย้ำ ให้เด็กรักษาความสะอาดตามขั้นตอน ด้วยอุปกรณ์ทำความสำอาดที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุ หรือโรคเหงือกขึ้นมา ในระหว่างระยะเวลาที่ใส่อุปกรณ์จัดฟัน
สุดท้ายคือ ค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองจะต้องทราบ เพื่อเตรียมการ แน่นอนว่า การจัดฟันนั้นไม่ว่าจะเลือกอุปกรณ์จัดฟันแบบใด ก็มีค่าใช้จ่ายสูง ถือเป็นการลงทุน เพื่ออนามัยที่ดีในช่องปาก และเพื่อรอยยิ้มที่สวยงาม ซึ่งก็นับเป็นการลงทุนที่คุัมค่า เพราะเมื่อจัดฟันสำเร็จแล้ว รอยยิ้มที่สวยงามนั้นจะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต การเตรียมความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย และความร่วมมืระหว่างการจัดฟัน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องรับทราบและเตรียมการเพื่อให้การจัดฟันเป็นไปอย่างราบรื่นตามแผนการรักษา