รากฟันเทียม คืออะไร ใครทำได้บ้าง
เมื่อสูญเสียฟันไปก่อนเวลาอันสมควร การใส่ฟันปลอมอาจจะเป็นทางเลือกในสมัยก่อนหน้านี้ แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกให้คนไข้ได้ทดแทนฟันที่สูญเสียไปหลากหลายทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ รากฟันเทียม ซึ่งเป็นการฝั่ง ทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยการฟันวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร โดย 1 รากฟันเทียมสามารถใส่ฟันปลอมได้มากกว่า 1 ซี่ หรือการใส่ฟันปลอมทั้งปาก
รากฟันเทียมทำมาจากอะไร
รากฟันเทียม คือการทดแทนฟันรูปแบบหนึ่ง ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมที่ได้รับการวิจัยแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกายมนุษย์ หรือผลข้างเคียง ซึ่งการฝั่งรากฟันเทียมจะช่วยให้ฟันปลอมที่ยึดติดอยู่นั้นใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะรากฟันเทียมจะฝักลึกและผสานกับเนื้อเยื้อได้เป็นอย่างดี จึงทำให้คนไข้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียม
1. รับการตรวจอย่างละเอียดจากทันตแพทย์ด้วยการเอกซเรย์
2. พิมพ์ฟันและทำแบบขากรรไกร
3. ทันตแพทย์นัดผ่าตัดใส่รากฟันเทียมฝังลงในกระดูก หลังจากนั้นคนไข้ต้องรอ 7 วัน จึงมาพบทันตแพทย์เพื่อตัดไหมที่เย็บออก
4. เมื่อฝังรากฟันเทียมและตัดไหมเรียบร้อยต้องใช้เวลารอรากเทียมผสานติดกับกระดูกขากรรไกรประมาณ 3-6 เดือน ในฟันบน แต่หากเป็นฟันล่างจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน เท่านั้น
5. เมื่อครบกำหนดและรากเทียมผสานติดกับกระดูกขากรรไกรสนิทแล้ว ทันตแพทย์จะทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบติดแน่นตามความต้องการของคนไข้
การดูแลรักษารากฟันเทียม
รากฟันเทียมจะฝังอยู่ภายในเหงือกของคนไข้ จึงทำให้หลังการทำรากฟันเทียมคนไข้เพียงแค่ดูแลทำความสะอาดช่องปากตามปกติ แต่ควรเข้ารับการตรวจสภาพฟันกับทันตแพทย์เป็นประจำตามนัดหมาย เพื่อตรวจสภาพเหงือกและประสิทธิภาพของรากฟันเทียม ซึ่งโดยปกติแล้ว รากฟันเทียมจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 10 – 20 ปี มากน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและการดูแลสุขภาพช่องปากของตัวคนไข้เองด้วย ดังนั้นแม้ว่าจะมีการฝังรากฟันเทียมไปแล้วแต่ดูแลได้ไม่ดี ไม่ทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง ฟันซี่อื่นที่เป็นรากฟันแท้ก็อาจจะเสียหายได้อีกเช่นกัน
รากฟันเทียม จึงเป็นอีกหนึ่งการแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแท้ที่มีประสิทธิภาพและการใช้งานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นฟันหน้า ฟันหลัก หรือทำรากฟันเทียมเพื่อเป็นหลักยึดให้กับฟันปลอมก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่าเป็นการทดแทนฟันที่สูญเสียได้อย่างเป็นธรรมชาตินั้นเอง