ผู้สูงอายุอย่าละเลยที่จะดูแลสุขภาพฟัน
การดูแลสุขภาพช่องปากมีความสำคัญต่อทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยผู้สูงอายุที่มีการใช้งานฟันมายาวนาน อาจมีปัญหาสะสมหลายจุด หรือมีการสูญเสียฟันไปแล้วในบางซี่ ซึ่งในฟันที่เหลืออยู่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อการบดเคี้ยวอาหารที่ดีมีความสุขในการับประทานอาหาร รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มเติมความมั่นใจในการพูดคุยและหัวเราะด้วย
ปัญหาในช่องปากของผู้สูงอายุ
ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นฟันผุและเหงือกอักเสบ ซึ่งบางรายลุกลามจนเป็นโรคปริทันต์ที่ทำให้สูญเสียฟันได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังพบว่าส่วนใหญ่แล้วยังมีการสะสมของหินปูนเพราะฟันใช้งานมาอย่างยาวนานและการเปลี่ยนสีของฟันซึ่งเป็นไปตามอายุด้วย
การดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุสามารถทำได้ดังนี้
1. แปรงฟันให้สะอาด โดยต้องแปรงฟันให้ครบทุกด้านทุกซี่อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีการทดแทนฟันที่สูญเสียด้วยการใส่ฟันปลอม ก็ต้องยิ่งดูแลฟันที่เหลืออยู่ให้ดี และต้องแปรงฟันปลอมให้สะอาดจึงค่อยแช่น้ำ
2. แปรงสีฟันควรเลือกที่มีขนาดเล็กและมีขนแปรงนุ่มที่สามารถจะซอกซอนเข้าไปสู่ฟันซี่ในสุดได้ โดยเฉพาะฟันซี่ในสุดที่อาจจะมีช่องว่างด้านหน้า ยิ่งต้องแปรงให้สะอาด
3. ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะตรงซอกที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง เพื่อขจัดเศษอาหารที่อาจจะคั่งค้างอยู่ให้ออกไปให้หมด
4. ในผู้ที่มีช่องว่างระหว่างฟัน เมื่อถอดฟันปลอมไปแล้ว ให้ใช้ผ้าก๊อซพับครึ่งทำความสะอาดฟันด้านที่ติดกับช่องว่าง เพราะแปรงสีฟันอาจจะทำความสะอาดไม่ได้ โดยควรเช็ดด้วยผ้าก๊อซให้สะอาดและเช็ดให้ชิดถึงขอบเหงือก
5. นัดพบทันตแพทย์ให้ผู้สูงอายุเป็นประจำ อย่างน้อยๆ ทุก 6 เดือน เพราะแม้จะมีฟันแท้เหลืออยู่ไม่มาก ก็อย่าละเลยที่จะดูแล ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ ในช่องปาก ก็จำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูน
6. ผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม จำเป็นต้องดูแลความสะอาดทุกครั้งหลังรับประทาอาหาร เพราะเศษอาหารที่ค้างอยู่จะทำให้เกิดฟันผุและกลิ่นปากได้ นอกจากนี้หากเกิดปัญหาฟันปลอมบิดเบี้ยวห้ามใช้มือหรือเครื่องมือบิดเอง ต้องไปพบทันตแพทย์ให้ทำการซ่อมแซม
ในวัยผู้สูงอายุที่แม้จะมีปัญหาของสุขภาพช่องปากที่สะสมมาอย่างยาวนาน แต่ทุกๆ ปัญหาก็สามารถแก้ไข้และรักษาได้ แต่ถึงจะมีหรือว่าไม่มีปัญหาก็ควรดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอ